จดหมายเหตุตั้งสังฆราชชัดไม่มีธรรมเนียมเริ่มจากนายกฯ |
เดลินิวส์
จดหมายเหตุตั้งสังฆราชชัดไม่มีธรรมเนียมเริ่มจากนายกฯ
เปิดจดหมายเหตุสถาปนาสังฆราชองค์ที่ 19
บันทึกหนังสือราชการชัดไม่ได้เริ่มต้นที่นายกรัฐมนตรี ด้านอดีตเลขาธิการวุฒิสภา ชี้
ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อนให้นายกรัฐมนตรีเสนอนามสังฆราช เชื่อส่งกลับมามหาเถรฯ
ก็คงยึดมติเดิม วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2559 เวลา 16:00
น.
วันนี้ (4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ขั้นตอนการสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ได้มีการบันทึกจดหมายเหตุพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
เมื่อปี 2532 อย่างละเอียด
โดยเฉพาะขั้นตอนและเอกสารราชการการ ธรรมเนียมปฏิบัติ
การเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชโดยกระบวนการเริ่มต้นพิจารณานามสมเด็จพระราชาคณะ
ได้ยึดตามมาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ระบุว่า
การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช
เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตามจารีตประเพณี
จะทรงสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
จากกรมการศาสนา สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม
นำรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะให้ มส.ได้พิจารณาก่อน
และมีสังฆทัศนะจากนั้นเสนอนามพร้อมสังฆทัศนะ
ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจากนั้นเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอไปยังราชเลขาธิการ
ต่อมาสำนักราชเลขาธิการ ได้แจ้งหนังสือกลับมายังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงทางสมณศักดิ์
เป็นผู้เหมาะสมเป็นสมเด็จพระสังฆราชสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องกลับมายัง
รมว.ศึกษาธิการ มายังกรมการศาสนาเพื่อจัดพระราชพิธีสถาปนา
สมเด็จพระสังฆราช
ซึ่งไม่มีการบันทึกขั้นตอนว่า
กระบวนการเริ่มจากนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด
นายจำนงค์
สวมประคำ อดีตเลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม
พ.ศ.2535 ในมาตรา 7 หมวดสมเด็จพระสังฆราชนั้นเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า การสถาปนา
สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ส่วนขั้นตอนการนำความกราบบังคมทูล เมื่อตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง
พศ.ต้องนำความเรียน มส.
ก็ขึ้นต้นด้วยส่วนราชการของรัฐบาลภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรี
มส.ไม่ได้หยิบขึ้นมาประชุมเอง จากนั้น พศ.ก็เสนอมติ มส.ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี
และนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูล ก็ชัดเจนอยู่แล้ว
แต่อยู่ดีๆจะให้นายกรัฐมนตรีมาพิจารณาเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ
ท่านนายกรัฐมนตรี จะเริ่มต้นจากอะไร หรือ พศ.ต้องนำความเรียนนายกรัฐมนตรี
ก็ต้องไปศึกษาระเบียบราชการสำนักนายกรัฐมนตรีว่าเคยมีปฏิบัติหรือไม่
นายจำนงค์
กล่าวต่อไปว่า ธรรมเนียมปฏิบัติที่ให้นายกรัฐมนตรี เสนอนามมายัง มส.ยังไม่เคยมี
มีแต่ส่วนราชการของรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนหากเป็นสมัยก่อนปี 2549
ก็เป็นกรมการศาสนา(ศน.) แต่หลังแบ่งส่วนราชการใหม่ก็ต้องเป็น พศ.
เป็นกระบวนการปฏิบัติราชการในการเสนอนามสมเด็จพระสังฆราช
หากว่าผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า
การพิจารณาการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชจะต้องเริ่มที่นายกรัฐมนตรี
ก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี จะตัดสินในซึ่ง มส.ไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว เพราะการประชุม
มส.ก็ต้องเริ่มจากสำนักเลขาธิการ มส. ซึ่งก็คือพศ.อยู่ดี หากส่งเรื่องกลับมาให้
มส.ประชุมใหม่ก็มีมติเช่นเดิมไปนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนมติมส.ได้
และก็ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เสนอนามสมเด็จพระสังฆราชมาให้มส.พิจารณา
อดีตเลขาธิการวุฒิสภา กล่าวอีกว่า
การจะตั้งสมเด็จพระสังฆราช ที่จะให้ชาวพุทธศรัทธา 100% คงไม่มี คงหาไม่ได้
แม้แต่เลือกนายกรัฐมนตรีเอง ก็ใช่ว่าจะมีคนศรัทธาท่านทั้งหมด
หลักประชาธิปไตยจึงต้องยึดเสียงข้างมาก
อีกส่วนอยากให้รัฐบาลเข้าใจการปกครองสงฆ์
พระสงฆ์ปกครองกันเอง โดยเฉพาะ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ไม่เคยเห็นเคยเห็นหน่วยงานไหนมาแทรกแซง
นำมติ มส.ไปวินิจฉัยเช่นนี้
อย่างไรก็ตามก็อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจรัฐบาลด้วยว่า
มีหน้าที่ดูแลความมั่นคงและกลั่นกรองเรื่องที่จะนำความบังคมทูล
ซึ่งเรื่องไหนที่สังคมไม่สบายใจ
รัฐบาลต้องทำให้กระจ่างไม่ใช่นำไปเก็บไว้จนเกิดพุทธศาสนิกชนจะได้เข้าใจไม่มีปัญหาต่อรัฐบาล
อ่านต่อที่ :
http://www.dailynews.co.th/education/383708